วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การบริจาคเลือด

ข้อควรกระจ่าง-ในการบริจาคเลือด
ก่อนอื่น…คุณรู้แล้วหรือยัง… ว่าตัวคุณมีเลือดกรุ๊ปอะไร?…

สำคัญมากนะครับ… เพราะถ้าวันหนึ่ง ...คุณเกิดอุบัติเหตุโดยไม่คาดฝัน ...ถ้าคุณเสีย
เลือดมาก แต่ยังพอมีสติอยู่ ....เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตรงนั้น....จะต้องถามคุณอย่าง
แน่นอน…ว่า.....เลือดของคุณ ...กรุ๊ปอะไร? เจ้าหน้าที่...จะได้นำเลือดที่สามารถเข้า
กับคุณได้ ...มาให้คุณ...เพื่อเป็นการทดแทน....อย่างเพียงพอและรวดเร็ว...ในการที่จะ
ช่วยชีวิตคุณ...(แทนที่ในปริมาณที่คุณเสียไป)----แต่หากคุณไม่รู้กรุ๊ปเลือดของตัว
เอง.... เจ้าหน้าที่ก็ต้องนำเลือดคุณไปตรวจก่อน.... คุณจึงต้องรอเวลา....ที่จะได้รับ
เลือดเข้าสู่ร่างกาย..... แต่ ณ ช่วงเวลานั้น .....ร่างกายคุณ…อาจไม่รออะไรแล้วก็ได้…

***การรู้หมู่เลือด***
1. ระบบ ABO (A, B, O หรือ AB)
2. ระบบ Rh (D+, Rh+ หรือ D- และ Rh-)

เป็นประโยชน์ และเพิ่มความปลอดภัยแก่ตนเองเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เลือด ...(
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเลือดชนิดที่หาได้ยากในคนไทย เช่นผู้ที่เป็น Rh ลบ ซึ่งใน
คนไทยพบเพียง 0.3 เท่านั้น)

***การปั่นแยกเลือด**
เลือดที่ได้รับบริจาค 1 ถุง (300-450 มล.) สามารถนำไปปั่นแยก ...ด้วยเครื่องปั่น
ชนิดพิเศษ ...ซึ่งจะได้ส่วนประกอบต่าง ๆ ตามต้องการ 2-4 ชนิด ได้แก่
**เม็ดเลือดแดงเข้มข้น (Packed Red Cells)
**เลือดที่มีเม็ดเลือดขาวน้อย (Leukocyte Poor Blood)
**เกร็ดเลือดเข้มข้น (Platelet Concentrate)
**พลาสมา-สดแแช่แข็ง (Fresh Frozen Plasma)
**ไครโอปริซิปิเตท (Cryoprecipitate)
**พลาสมา (Plasma)

ส่วนน้ำที่เหลือ...จากการแยกเม็ดเลือดแดงเข้มข้น... ออกจากเลือด ....มีส่วน
ประกอบที่สำคัญคือ ....โปรตีนและน้ำ...

ดังนั้น... การปั่นแยกเลือด 1 ถุง...จึงเป็นการใช้เลือดอย่างคุ้มค่า....เพื่อให้ผู้ป่วยแต่
ละโรค ที่มีความต้องการไม่เหมือนกัน....(คุณสามารถช่วยชีวิต/ยืดชีวิตคน ได้อีก
หลายคน)
......อีกทั้งยังช่วยลดปัญหา...การขาดแคลนเลือด.....ทั้งยังทำให้ผู้ป่วย.....ได้
เฉพาะส่วนที่ตนเองต้องการเท่านั้น ....เพราะถ้าได้ส่วนอื่น ....ก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใด


การให้เลือดและส่วนประกอบชนิดต่าง ๆ ของเลือด แก่ผู้ป่วย

*เลือด* ใช้สำหรับผู้ป่วยที่เสียเลือดมากจนเกิดภาวะช็อคและอาจเสียชีวิตได้ มี
สาเหตุมาจาก
-การผ่าตัดใหญ่ อุบัติเหตุต่าง ๆ บนท้องถนน หรือในโรงงานอุตสาหกรรม
-โดนยิง โดนแทงด้วยของมีคม การตกเลือด การแท้ง
-โรคตับแข็ง มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร โรคไข้เลือดออก โรคไตวายเรื้อรัง ฯลฯ

*เม็ดเลือดแดงเข้มข้น* ผู้ป่วยมีการเสียเลือดอย่างเรื้อรัง และร่างกายสร้างไม่ได้
-โรคโลหิตจาง (Aplastic Anemia), โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia), โรคธา
ลัสซีเมีย
-โรคไตวายเรื้อรัง โรคตับแข็ง และโรคมะเร็ง
-เลือดออกในกระเพาะอาหาร / ลำไส้ ฯลฯ

*เกร็ดเลือดเข้มข้น* การที่จำนวนเกร็ดเลือดต่ำกว่าปกติทำให้เกิดภาวะเลือดออก
ไม่หยุดที่อวัยวะต่าง ๆ ได้แก่
-โรคโลหิตจาง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
-โรคไข้เลือดออกชนิดรุนแรง (อาเจียนและถ่ายเป็นเลือด -ถ้าได้รับเกร็ดเลือดทด
แทนไม่ทัน...อาจเสียชีวิตได้)
-การผ่าตัดหัวใจ และ ผู้ป่วยที่เกร็ดเลือดไม่สามารถทำหน้าที่ได้อาจเป็นโดยกำเนิด
ฯลฯ

*พลาสมา-สดแช่แข็ง*
-โรคฮีโมฟีเลียทุกชนิด, โรคไข้เลือดออก, โรคตับแข็ง
-มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร, การผ่าตัดหัวใจ / ตับ ฯลฯ

*ไครโอปริซิปิเตท*
-โรคฮีโมฟีเลีย เอ, การตกเลือดภายหลังคลอด, การผ่าตัดหัวใจ

*พลาสมา* สำหรับผู้ป่วยบางโรค ที่มีการสูญเสียน้ำอย่างมากจนเกิดภาวะช็อค
-แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก, ไข้เลือดออก, โรคไต โรคตับ (ที่มีอาการบวมมาก)

***ภาวะที่ร่างกายมีเลือดน้อย***
ฉันเคยเจอเหตุการณ์ ...ในภาวะที่ร่างกายมีเลือดน้อยมาแล้ว....(ทำให้รู้สึกสงสารผู้
ป่วย.....ที่เลือดน้อยมาแต่กำเนิดมาก)....อาการที่เกิด ขึ้นก็คือ

*หน้ามืด
*หายใจไม่ค่อยออก
*สมองชา มึน (คิดอะไรไม่ค่อยออก)
*ตัวเย็นเฉียบ (หนาวมากด้วย)
*ตาพร่ามัว
*เหงื่อออกท่วมตัว (จริง ๆ )
*ปวดหัวมาก (เหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ )
*ลำไส้บิดมวน บีบจนเจ็บ-- จำเป็นต้องอาเจียน (แม้จะมีแต่น้ำและสุดท้ายคือ
น้ำลาย)

นี่คือ อาการ...ที่เกิดขึ้นในขณะเดียวกัน ...ลองจินตนาการดู ..(ขอบอกว่า …
ทรมาน-มาก-มาก)

**ฉันได้ยิน...หมอพูดกับคนที่มาบริจาคเลือดว่า ต้องขอบคุณมากเลยนะคะ.......ที่
บอกต่อ ๆกัน...ให้ช่วยกันมาบริจาค ....ถ้าทางโรงพยาบาล ...สามารถผลิตเลือดเอง
ได้...คงตั้งหน้าตั้งตา ผลิตกันทั้งวันทั้งคืน...คงไม่ต้องรอแต่คนใจบุญ....มาบริจาคอย่าง
เดียว

**เลือด... เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของร่างกาย....แต่ถ้าเราสละออกมาเพียงส่วนหนึ่ง
....โดยที่ร่างกายเรา.... ยังสามารถดำรงอยู่ได้…คงจะดีนะ …หากได้ช่วยเหลือชีวิต ...
หรือ
....ยืดอายุผู้อื่น….ให้ยืนยาวต่อไป …ถือว่าเป็นกุศลอย่างสูง

**ถ้ามีความตั้งใจจะไปบริจาคเลือด ....ดูแลตัวเองให้ดี ๆ.....กินอาหารให้ครบหมู่
......นอนหลับพักผ่อน วันละ ประมาณ 6-7 ชั่วโมง ...ติดต่อกันประมาณ 7 วันขึ้นไป....
แล้วคุณจะมีเลือดที่สมบูรณ์.... ที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นได้แล้ว .....(ปัจจุบันโรง
พยาบาลส่วนใหญ่ จะรับบริจาค วัน เสาร์-อาทิตย์ ด้วยนะ-อ้างโน่นอ้างนี่ไม่ได้แล้วล่ะ)

**การเสียความตั้งใจ ...คือ....ความผิดหวังอย่างร้ายแรง**
การบริจาคเลือด
เขียน: -

การบริจาคเลือด เป็นการให้ที่เป็นที่รู้จักกันดีพอสมควร และค่อนข้างเป็นที่นิยมใน
ปัจจุบัน เพราะให้แล้วได้ประโยชน์ทั้งผู้ให้และผู้รับ ปกติร่างกายคนเรามีเลือดประมาณ
17-18 แก้ว แต่ที่นำมาใช้ดำรงชีวิตจริงๆ เพียง 15-16 แก้ว ส่วนที่เหลืออีก 1-2 แก้ว
เมื่อไม่ได้ใช้ มันก็จะหมดอายุและสลายไปกับปัสสาวะ อุจจาระลงชักโครกไปหมด น่า
เสียดาย ๆ รู้อย่างนี้แล้ว แทนที่จะให้มันไหลลงส้วมไปอย่างไร้ประโยชน์ มาบริจาคช่วย
ชีวิตคนกันเถอะค่ะ

การบริจาคเลือดนั้น ทำได้บ่อยทุกๆ 3 เดือนเพราะพอบริจาคไป ไขกระดูกก็สร้างเลือด
กลับมาทดแทนใหม่อยู่เรื่อยๆ และประโยชน์ที่คุณจะได้รับนอกจากความสุขที่ได้ช่วย
ชีวิตผู้ป่วย ก็คือถือเป็นการตรวจสุขภาพไปในตัวทุกครั้งที่บริจาคเพราะเลือดทุกหน่วย
ของคุณต้องผ่านกระบวนการคัดกรอง ตรวจหาสาร/โรคผิดปกติต่างๆ อย่างละเอียด
ฉะนั้น หาคุณมีปัญหาทางสุขภาพ หรือมีโรคติดเชื้อใดๆ คุณจะทราบได้ทันที และจะได้
รีบรักษาแต่เนิ่นๆ เพราะอยู่ดีๆ คุณคงไม่เดินเข้าโรงพยาบาลไปตรวจเลือดเป็นประจำ
ใช่ไหมคะ กว่าจะรู้ตัวว่าป่วย ก็อาจจะล่าช้า อาการหนักเสีย
แล้ว

เดี๋ยวนี้ นอกจากการบริจาคเลือดทั้งหมดแล้ว ยังรับบริจาคเฉพาะส่วนเช่น พลาสมา
เกล็ดเลือด เม็ดเลือดขาว เซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem cell เพื่อรักษาผู้ป่วยเฉพาะทาง
ยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

ง่ายๆ สั้นๆ ก่อนไปบริจาค
o นอนให้เพียงพอ
o ไม่ป่วย
o ไม่มีประจำเดือน
o ไม่ได้ตั้งครรภ์
o ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ตั้งแต่คืนก่อนมาบริจาค จะให้ดีเลิกไปเลยจะดีกว่า
o ทานอาหารมาแล้วอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการหน้ามืด ขณะบริจาค
เพราะขณะที่กระเพาะอาหารกำลังย่อย จำเป็นต้องใช้เลือดและพลังงานไปหล่อเลี้ยง
กระเพาะอาหารมาก หากบริจาคเลือด อาจหน้ามืดเป็นลมได้ง่าย

ที่มา http://www.saranair.com และ www.volunteerspirit.org
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดจันทบุรี ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ครับ